ตลาดการวิเคราะห์วิดีโอทั่วโลกมีมูลค่า 1.528 พันล้านดอลลาร์ในปี พ.ศ. 2563 และคาดว่าจะสูงถึง 4.142 พันล้านดอลลาร์ในปี พ.ศ.2569 และเติบโตที่ CAGR 24.5% ในช่วงคาดการณ์ (พ.ศ. 2564 — พ.ศ. 2569)[1]
ผู้บริโภคหลักอยู่ในภาคการค้าปลีก การผลิต และการขนส่งในระยะปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม อุตสาหกรรมการเงินไม่ได้เร่งให้มีความเคลื่อนไหวเพิ่มขึ้น แม้ว่าจะสามารถแก้ไขงานด้านความปลอดภัย และการเพิ่มประสิทธิภาพของการให้บริการจำนวนมากให้มีกำไรได้ด้วยการใช้ การวิเคราะห์วิดีโอ เดนิส กริชิน ผู้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายผลิตภัณฑ์ของ NtechLab พูดคุยเกี่ยวกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่ธนาคารจะต้องขาดไม่ได้อย่างแน่นอน และอะไรที่ทำธนาคารนำเทคโนโลยีมาใช้งานล่าช้า
การดำเนินงานโดยไม่ต้องใช้หนังสือเดินทาง
ธนาคารสมัยใหม่มีสาขาน้อยลงมากเนื่องจากมีการดำเนินงานแบบดิจิทัลทั้งหมด ด้วยเทคโนโลยีที่ใช้ในการระบุตัวตนสามารถเพิ่มระดับของประสิทธิภาพ และความปลอดภัยที่ทันสมัยได้อย่างแท้จริง
เทคโนโลยีการอนุญาตการระบุตัวตนด้วยข้อมูลทางชีวภาพค่อย ๆ เข้ามาแทนที่การใช้เอกสารในการยืนยันตัวตนซึ่งช่วยให้กระบวนการต่าง ๆ ง่ายขึ้นสำหรับลูกค้า และพนักงานของสถาบันการเงิน เมื่อเดินทางไปที่ธนาคารครั้งแรก ลูกค้าส่งข้อมูลทางชีวภาพให้กับธนาคารซึ่งข้อมูลประจำตัวเหล่านั้นเชื่อมโยงกับเอกสารบางอย่าง และข้อมูลอื่น ๆ และหลังจากนั้นความจำเป็นจะต้องแสดงบัตรประจำตัว และเดินทางไปยังสาขาของธนาคารด้วยตนเอง และเทคโนโลยีจะทำให้ขั้นตอนการปฏิบัติเหล่านี้จะหายไป การเปิดบัญชีใหม่ หรือรับบัตรใหม่ สมัครสินเชื่อ ยืนยันการทำธุรกรรม: ทั้งหมดนี้สามารถทำได้บนสมาร์ทโฟนจากการใช้เพียงใบหน้าของคุณเพื่อทำการยืนยัน ระดับของการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลสอดคล้องกับมาตรฐานความปลอดภัยในอุตสาหกรรม และเพื่อทำให้คุณมีความมั่นใจเพิ่มขึ้น คุณสามารถกำหนดค่าปัจจัยระบุได้ถึง 3 ค่า คือ: รหัสผ่าน การยืนยันทางข้อความ SMS และข้อมูลทางชีวภาพที่ใช้ในการระบุตัวตนด้วยใบหน้า
การเปลี่ยนไปใช้เทคโนโลยีที่ใช้ในการระบุตัวตนนั้นธนาคารมีงานมากมายที่จะต้องทำ เช่น: พวกเขาจำเป็นต้องจัดระเบียบการเก็บรวบรวมข้อมูลโดยตรงในสำนักงาน และผ่านแอปพลิเคชั่นบนมือถือ ในขณะที่สร้างระบบนิเวศสำหรับการรับ และการประมวลผลข้อมูล แต่ในทางปฏิบัติแล้ว การใช้เทคโนโลยีจะต้องใช้เงินลงทุนมากกว่าการจ่ายให้กับธนาคารเอง สาขาของธนาคารต้องการให้บริการ และได้รับผลกำไรเพิ่มขึ้นจากจำนวนของลูกค้าที่ไหลมาจากสถานที่ซึ่งเข้าถึงได้ยาก เช่น พื้นที่ในชนบท
ชำระเงินได้โดยไม่ต้องใช้บัตร หรือแม้แต่ใช้สมาร์ทโฟน
การยกเลิกใช้บัตรเดบิต หรือเครดิตจากธนาคารแพร่กระจายออกไปยังวงกว้าง ผู้คนกำลังถ่ายโอนบัตรเหล่านี้ไปอยู่บนสมาร์ทโฟนของตนเอง หรือสั่งซื้อบัตรเสมือนจริงเพื่อมาทดแทนการใช้บัตรพลาสติก การชำระเงินในขั้นตอนถัดไปอาจเป็นการชำระเงินด้วยการใช้ใบหน้า เทคโนโลยีนี้สามารถนำมาใช้งานได้จริง ไม่เพียงแต่ใช้เพื่อการซื้อสินค้าในตลาดขายของบนโลกออนไลน์เท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงที่ร้านขายของใช้ส่วนตัวทั่วไป ศูนย์การค้า และปั๊มน้ำมันอีกด้วย เทคโนโลยีนี้สามารถทำงานได้ดีเพียงพอที่จะทำการติดตั้งอุปกรณ์ ณ จุดชำระเงินที่สามารถอ่านข้อมูลทางชีวภาพได้ ระบบทำงานผ่านทางธนาคาร: ลูกค้าเชื่อมโยงข้อมูลทางชีวภาพเข้ากับบัตรเดบิต หรือเครดิตจากสาขาของธนาคาร แล้วทำการชำระเงินด้วยภาพเซลฟี่ได้ มันช่วยเพิ่มความสะดวกสบาย และความเร็วในการให้บริการให้กับผู้ซื้อสินค้า สำหรับบริษัททางการเงิน มันช่วยขยายฐานลูกค้าที่อาจกลายมาเป็นลูกค้าประจำ และปรับปรุงภาพลักษณ์ของธุรกิจได้
แนวคิดนี้ได้ถูกนำไปใช้โดยธนาคารหลายแห่งทั่วโลก: ลูกค้าส่งข้อมูลทางชีวภาพ และแนบข้อมูลเหล่านี้ไปกับข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า บัตรเดบิต หรือเครดิตสามารถเชื่อมโยงเข้ากับเทคโนโลยีได้ที่นี่ ระบบรักษาความปลอดภัยในการชำระเงินในระดับสูงช่วยทำให้: ไม่สามารถหลอกอัลกอริธึมนี้จากการใช้ภาพถ่าย หรือวิดีโอของผู้อื่นจากสมาร์ทโฟนได้ ต้องขอบคุณอัลกอริธึมที่ป้องกันการปลอมแปลงดังกล่าว นอกจากนี้ ยังสามารถทำขั้นตอนการชำระเงินได้เร็วกว่าการชำระเงินผ่านบัตร หรือสมาร์ทโฟนได้ถึง 3 เท่าเนื่องจากไม่จำเป็นต้องยืนยันธุรกรรมด้วยรหัสพิน หรือหมายเลขจากข้อความ SMS นอกจากนี้ยังมีการแปลภาษาเกี่ยวกับการตรวจสอบข้อมูลทางชีวภาพของผู้ใช้อยู่ภายในแอป
การปรับปรุงคุณภาพในการบริการแก่ลูกค้า
หนึ่งในสถานการณ์ที่ได้ยินกันบ่อยที่สุด คือ การเพิ่มประสิทธิภาพของเส้นทางคมนาคม หลักการนี้เหมือนกันกับหลักการค้าปลีก: การวิเคราะห์วิดีโอช่วยให้สามารถเก็บรวบรวมสถิติเกี่ยวกับปริมาณงานต่าง ๆ ของแผนก กำหนดชั่วโมงเร่งด่วนในแต่ละสถานที่ และบันทึกคำร้องขอของผู้มาเยื่อนที่มักพบบ่อยที่สุด การวิเคราะห์ข้อมูลเหล่านี้ทำให้สามารถเพิ่มประสิทธิภาพงานของผู้จัดการ และที่ปรึกษา รวมถึงจัดสรรงานใหม่ไปยังพื้นที่ซึ่งมีความวุ่นวายมากที่สุดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สถานการณ์ที่สองที่พบบ่อยที่สุด คือ การเพิ่มความเร็วในการให้บริการภายในสำนักงาน ระบบจะทำการระบุตัวตนของผู้มาเยือนที่เดินทางเข้ามายังสาขาโดยอัตโนมัติซึ่งจะอ้างอิงจากฐานข้อมูลภายใน และตรวจสอบธุรกรรมล่าสุดเพื่อแนะนำข้อมูลที่เหมาะสมที่สุดให้แก่ผู้จัดการ วิธีนี้จะทำงานเร็วกว่า และมีประสิทธิภาพมากกว่าการรับหมายเลขบนตั๋วกระดาษที่ลูกค้าต้องเลือกวัตถุประสงค์ในการใช้บริการ แม้ว่าการรอต่อแถวที่ธนาคารมีแนวโน้มลดลง แต่ปัญหาการใช้เวลานานจะยังคงอยู่เนื่องจากขั้นตอนในการให้บริการใช้ระยะเวลานาน โดยใช้เวลาแตกต่างกันอยู่ระหว่าง 10 นาทีถึง 1 ชั่วโมงในปัจจุบัน
ต่อสู้กับอาชญากรรม
ขณะนี้อุตสาหกรรมการเงินต้องการ โซลูชั่น ที่ไม่เพียงแค่สามารถบันทึกสิ่งที่เกิดขึ้นได้เท่านั้นแต่ข้อมูลที่บันทึกได้ยังจะต้องตอบสนองต่อสถานการณ์ที่เป็นอันตรายได้อย่างรวดเร็วอีกด้วย รวมถึงสามารถป้องกันอันตรายได้ สิ่งนี้มีความเกี่ยวข้องอย่างยิ่งกับปัญหาด้านความปลอดภัย และสุขภาพ ตัวอย่างเช่น หากผู้บุกรุกเดินเข้าไปในสาขาพร้อมด้วยอาวุธ พนักงานรักษาความปลอดภัยจำเป็นต้องตอบโต้ผู้บุกรุกทันทีที่ทางเข้าไม่ใช่ในขณะที่กำลังดึงปืนพกออกมา ระบบส่งสัญญาณอันตรายไปยังหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย ตรวจจับความสงสัยจากเหตุการณ์ต่าง ๆ หรือในกรณีของการระบุตัวบุคคลจากรายชื่อที่กำหนดไว้ (บุคคลซึ่งเป็นที่ต้องการของทางการ หรือในฐานข้อมูลของผู้ขอสินเชื่อที่ไม่มีหลักศีลธรรม)
ในการทำเช่นนี้ คุณสามารถใช้รายชื่อที่ถูกสร้างขึ้นจากธนาคารเดียว รายชื่อที่ใช้ร่วมกันในหลายองค์กร หรือฐานข้อมูลที่หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายระบุไว้ให้ โครงข่ายประสาทเทียมจะจดจำใบหน้าในกล้องวิดีโอ หากใบหน้าตรงกันกับข้อมูลจากฐานข้อมูล ระบบจะส่งสัญญาณไปยังพนักงานที่รับผิดชอบทันที
การใช้การวิเคราะห์วิดีโอในสถานการณ์ต่าง ๆ สามารถลดความเสี่ยงอย่างเห็นได้ชัดเจน นอกจากนี้ ยังรวมไปถึงฝูงชนที่อยู่ใกล้ตู้เอทีเอ็ม หรือบุคคลที่ยืนรออยู่ใกล้ตู้เอทีเอ็มเป็นเวลานานโดยไม่มีเหตุผลที่ชัดเจน ปัจจุบัน การวิเคราะห์วีดีโอจะสามารถระบุความพยายามในปิดซ่อนใบหน้าโดยเจตนาของผู้ใช้ได้ (เช่น การสวมใส่หน้ากาก หมวก และหมวกคลุมศีรษะทุกอย่างพร้อมกัน) ระบบจะป้องกันการใช้งานตู้เอทีเอ็มจากผู้ใช้เนื่องจากผู้ใช้พยายามปิดบังใบหน้าให้เหลือเพียงแค่บริเวณดวงตาน้อยกว่า 10−15% แต่หากผู้ใช้คลุมผ้าคลุมศีรษะ หรือหน้ากากทางการแพทย์พร้อมกัน ในกรณีนี้จะไม่ถือว่าเป็นสัญญาณของอาชญากร การตัดสินใจขั้นสุดท้ายจากผู้ปฏิบัติงานที่ได้รับการแจ้งเตือนจากระบบรักษาความปลอดภัย และสามารถดำเนินการตามทันท่วงทีต่อสถานการณ์นี้เป็นสิ่งสำคัญเพื่อจับผู้บุกรุก และป้องกันการปล้นชิงทรัพย์ หรือการทำลายทรัพย์สิน
การวิเคราะห์วิดีโอจัดการกับปัญหาอีกอย่างหนึ่งได้อย่างมีประสิทธิภาพซึ่งนั่นก็คือการถอนเงินสินเชื่อออกจากบัญชีด้วยการใช้หนังสือเดินทางของผู้อื่น น่าเสียดายที่ปัญหานี้ค่อนข้างมีความเกี่ยวข้องกับองค์กรทางการเงินขนาดเล็ก โดยปกติแล้ว ผู้ฉ้อโกงจะใช้สำเนาของหนังสือเดินทางของผู้อื่น ต้นฉบับที่ถูกขโมยหรือสูญหาย และตัดแปะรูปถ่ายของผู้ฉ้อโกงบนหนังสือเดินทางนั้น จากนั้นถอนเงินสินเชื่อให้กับบุคคลอื่น การใช้เทคโนโลยีการวิเคราะห์วิดีโอ และเทคโนโลยีที่ใช้ในการระบุตัวตนสามารถช่วยจัดการกับสถานการณ์ดังกล่าวได้ หากลูกค้าของธนาคารส่งข้อมูลทางชีวภาพให้กับธนาคารแล้ว ระบบจะสามารถตรวจจับหนังสือเดินทางที่ไม่ถูกต้อง และรูปถ่ายปลอมได้ทันที สำหรับสินเชื่อออนไลน์ กลไกนี้ยังมอบความคุ้มครองที่สามารถเชื่อถือได้อีกด้วย หลังจากความพยายามล้มเหลว ผู้ฉ้อโกงจะถูกขึ้นบัญชีดำ และหากธนาคารจะได้รับการกำหนดค่าด้วยตัวเลือกที่เหมาะสม และสามารถส่งข้อมูลไปยังหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายได้โดยตรง
การเฝ้าตรวจสอบบุคลากร
สถิติระบุว่าพนักงานของบริษัทใช้เวลาโดยเฉลี่ย 14 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ไปกับงานที่ไม่ใช่หน้าที่โดยตรง แต่ใช้เวลาไปกับช่วงพักสูบบุหรี่ และพักดื่มกาแฟ นอกจากนี้เรายังสามารถเก็บรวบรวมการสนทนาทางโทรศัพท์ส่วนตัว โซเชียลเน็ตเวิร์ค การอ่านข่าว การเล่นไพ่คนเดียวบนคอมพิวเตอร์ในขณะที่เจ้านายไม่อยู่ในสำนักงานได้อีกด้วย แน่นอนว่าการพักผ่อนเป็นสิ่งจำเป็น แต่การใช้เวลาไปกับงานที่ไม่ใช่หน้าที่โดยตรงนั้นเป็นจำนวนชั่วโมงที่เก็บสะสมจนเป็นตัวเลขของการสูญเสียให้กับบริษัทอย่างเห็นได้ชัดเจน ในขณะเดียวกัน ผู้จัดการฝ่ายทรัพยากรบุคคลมากกว่า 90% ไม่มีอิทธิพลในการทำให้สถานการณ์ดีขึ้นได้ ดังนั้น เราจึงได้พัฒนาระบบการวิเคราะห์วิดีโอขึ้นมา ระบบช่วยควบคุมพนักงานในที่ทำงาน บันทึกเวลาที่เดินทางมาถึง และออกจากสถานที่ทำงาน รวมถึงความเคลื่อนไหวภายในสำนักงาน
แต่สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งเดียวที่มีความสำคัญต่อภาคส่วนของการธนาคาร ผู้ปฏิบัติงานหน้าเคาน์เตอร์มักจะมีปัญหาด้านความปลอดภัย เช่น การเดินข้ามเขตที่ไม่อนุญาตให้เข้า นอกจากนี้ยังมีปัญหาการใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบ และการปฏิบัติงานที่ไม่เหมาะสม
การใช้การวิเคราะห์วิดีโอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากใช้งานร่วมกับเทคโนโลยีที่ใช้ในการระบุตัวตนจะสามารถลดการกระทำที่ผิดกฎหมายให้เหลือน้อยที่สุด และช่วยเพิ่มความรับผิดชอบ และวินัยในการทำงานของพนักงานให้มีมากขึ้น
ความซับซ้อนของการใช้การวิเคราะห์วิดีโอในธนาคาร
การใช้ระบบต่าง ๆ ในธนาคารต้องใช้ช่วงระยะเวลาที่ยาวนาน และมีราคาแพงเนื่องจากปัญหาด้านความสามารถในการใช้งานร่วมกับระบบอื่น ๆ การปฏิบัติตามข้อกำหนด และความปลอดภัยมีความสำคัญต่อองค์กรทางการเงิน ปัญหาเหล่านี้เกิดขึ้นกับการวิเคราะห์วิดีโอด้วยเช่นเดียวกันเนื่องจากมันจะทำการเปลี่ยนแปลงขั้นตอนพื้นฐานต่าง ๆ ของธนาคาร ไม่ใช่ทุกองค์กรที่พร้อมสำหรับการรวมระบบที่ต้องใช้เวลายาวนาน และมีความซับซ้อนเช่นนี้ ดังนั้นการใช้เทคโนโลยีใหม่ในธนาคารจึงมีความล่าช้า
แม้ว่าจะมีความคิดเห็นเชิงบวกเกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยีชั้นสูงในธนาคาร แต่ธนาคารติด 10 อันดับสูงสุด และธนาคารอื่น ๆ ยังคงมีช่องว่างด้วยเงื่อนไขจำนวนมาก ทุกธนาคารอยู่ในระดับเทคโนโลยี บริษัทยักษ์ใหญ่คิด และลงมือทำอย่างช้า ๆ เพื่อความแน่นอน แต่ธนาคารขนาดเล็กมักไม่มีการทำงานตามขั้นตอนโดยอัตโนมัติซึ่งจะต้องทำทุกอย่างด้วยตนเอง ธนาคารจะไม่พูดถึงเทคโนโลยีการวิเคราะห์วิดีโอ และเทคโนโลยีที่ใช้ในการระบุตัวตน
สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด อุปสรรคอีกข้อหนึ่งคือข้อมูลส่วนบุคคล ผู้คนไม่ไว้วางใจสถาบันการเงินมากพอที่จะมอบข้อมูลทางชีวภาพให้แก่ธนาคาร ดังนั้นธนาคารจึงไม่ค่อยเต็มใจที่จะใช้เทคโนโลยีที่ใช้ในการระบุตัวตนเนื่องจากธนาคารเห็นว่าผู้คนไม่ต้องการใช้ จนกว่าปัญหาความเชื่อมั่นจากผู้บริโภคหมดไปแล้ว ธนาคารจึงจะหันกลับมาพิจารณาใช้เทคโนโลยีนี้อีกครั้ง
ข้อมูล:
[1] Video Analytics Market — Growth, Trends, COVID-19 Impact, 2021−2026) by Mordor Intelligence